ระยะเวลาโครงการ 1 ก.ค. 2564 – 31 ธ.ค. 2564

ยิ่งใช้ยิ่งได้ รับ E-Voucher

โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

“เพื่อกระตุ้นการบริโภค ผู้มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)”

ระยะเวลาโครงการ 1 ก.ค. 2564 – 31 ธ.ค. 2564

ประชาชนสามารถเลือกเข้าร่วมโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น
เพิ่มวงเงินสนับสนุน E-Voucher เป็น 10,000 บาท
  • สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 จะนำยอดใช้จ่ายมาคำนวณสิทธิ E-Voucher ได้ ดังนี้
    • ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1 – 40,000 บาทแรก ได้รับ E-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน
    • ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001 – 80,000 บาท ได้รับ E-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 6,000 บาทต่อคน
  • สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher เต็มจำนวน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีสิทธิได้รับ
    E-Voucher จำนวน 7,000 บาทเรียบร้อยแล้ว จะมีสิทธิได้รับ E-Voucher เพิ่มเติม หากมีการใช้จ่ายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ในระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับสิทธิ E-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่ายเพิ่มเติมดังกล่าว แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน
ใช้จ่ายเพื่อนำมาคำนวณ E-Voucher
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. – 30 พ.ย. 64
สามารถใช้ E-Voucher ได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 64
Food Delivery สามารถสั่งได้ตั้งแต่
4 ต.ค. - 31 ธ.ค. 64
เวลา 6.00 - 20.00 น.
ร้านอาหาร/เครื่องดื่มสมัครเข้าร่วม
โครงการได้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. 64

คู่มือสำหรับฟู้ดเดลิเวอรี่ แอป ฯ

หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และความยินยอมในการเข้าร่วมโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้
รวมถึงกรณีการซื้อ-ขายอาหารและ/หรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร
(ฟู้ดเดลิเวอรี่ แอปฯ)


หลักเกณฑ์สำหรับประชาชน

  • เป็นบุคคลสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชน
  • มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน
  • ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
  • ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (ผ่านบัตรประชาชน)
  • ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส3
  • ประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงสิทธิได้ 1 ครั้ง และจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงการได้อีก
  • ก่อนการใช้สิทธิครั้งแรก ผู้ได้รับสิทธิตามโครงการฯ จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชน
  • การซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระสินค้าและ/หรือบริการกันแบบพบหน้า (face-to-face) โดยไม่มีการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์
    หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีใด
  • แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” จะสามารถใช้งานได้ ระหว่างเวลา 6.00 – 23.00 น. ของทุกวัน
  • ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใด ๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการและ/หรือโครงการของรัฐ หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการ/โครงการใด ๆ ของรัฐ
กรณีการซื้อ-ขายอาหาร และ/หรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร
(Food Delivery Platform)
  • การใช้สิทธิตามโครงการฯ ผ่านระบบของผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) (ผู้ให้บริการ Food Delivery Platform) จะต้องเป็นการซื้อขายสินค้าเฉพาะประเภทอาหารและ/หรือเครื่องดื่มโดยประชาชนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เท่านั้น
  • รัฐจะสนับสนุนเงินในส่วนค่าอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น โดยไม่รวมถึงค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่น
  • ประชาชนสามารถใช้สิทธิตามโครงการฯ เพื่อสั่งอาหารและ/หรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ได้ตั้งแต่เวลา 6.00-20.00 น. ของทุกวัน
  • ห้ามมีการรับหรือเรียกจะรับการทอนเป็นเงินสดหรือประโยชน์รูปแบบอื่นใดจากการสั่งอาหารและ/หรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ไม่ว่ากรณีใด
  • การซื้อขายอาหารและ/เครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการ Food Delivery Platform จะต้องเป็นการซื้อขายกันจริง โดยประชาชนผู้สั่งและร้านค้าผู้ขายไม่ได้อยู่ ณ สถานที่เดียวกัน และประชาชนผู้สั่งและร้านค้าผู้ขายไม่ใช่บุลคลเดียวกัน
  • ห้ามผู้เข้าร่วมโครงการ กระทำการใดๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการและ/หรือโครงการของรัฐ หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการ/โครงการใดๆ ของรัฐ

หลักเกณฑ์สำหรับผู้ประกอบการ (ร้านค้า)

  • ผู้ประกอบการต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืน
    ในมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐ
  • ผู้ประกอบการต้องไม่เป็นผู้ฝ่าฝืนเงื่อนไขของมาตรการ/โครงการอื่น ๆ ของรัฐหรือฝ่าฝืนมาตรการใด ๆ ของรัฐเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคตดิเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
  • การซื้อ-ขายสินค้าและ/หรือบริการ ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องมีการทำธุรกรรมซื้อขายและสแกน QR Code เพื่อชำระสินค้าและ/หรือบริการกันแบบพบหน้า (face-to-face) โดยไม่มีการดำเนินการผ่านช่องทางออนไลน์
    หรือผ่านคนกลาง ไม่ว่าด้วยวิธีใด
  • รับชำระค่าสินค้าและ/หรือบริการที่รัฐสนับสนุนวงเงินสิทธิในรูปแบบ
    E-Voucher ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ บัตรกำนัล (gift voucher/gift card) บัตรเงินสด (cash card) และสินค้า/บริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระล่วงหน้า (prepaid) เว้นแต่เป็นการชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มของศูนย์อาหารที่ต้องใช้งานภายในวันเดียวกันกับวันที่ชำระเงิน โดยที่การชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มของศูนย์อาหารที่ต้องใช้งานภายในวันเดียวกันกับวันที่ชำระเงิน
    การสแกนจ่ายเงินผ่านโครงการ ต้องมีการซื้อสินค้า/บริการจริงตรงตามมูลค่าที่สแกนจ่าย ไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการทอนเงินสดหรือรับแลกสินค้า/บริการคืนเป็นเงินสดไม่ว่ากรณีใด
  • ห้ามผู้ประกอบการปฏิเสธการใช้สิทธิตามโครงการฯ ของลูกค้าหากยังมี สิทธิเหลืออยู่ เว้นแต่เป็นความผิดของลูกค้าหรือเป็นเหตุสุดวิสัย อันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
  • ห้ามผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใด ๆ ที่สร้างความ เข้าใจผิดต่อมาตรการและ/หรือโครงการของรัฐ หรือก่อให้เกิดอุปสรรค ต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการ/โครงการใด ๆ ของรัฐ
กรณีการซื้อ-ขายอาหาร และ/หรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร
(Food Delivery Platform)
  • ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) (ผู้ให้บริการ Food Delivery Platform) ได้ จะต้องเป็นผู้ประกอบการที่ขายสินค้าประเภทอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น
  • รัฐจะสนับสนุนเงินในส่วนค่าอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น โดยไม่รวมถึงค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่น
  • ผู้ประกอบการสามารถขายอาหารและ/หรือเครื่องดื่มตามโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ได้ตั้งแต่เวลา 6.00-20.00 น. ของทุกวัน
  • ห้ามมีการรับหรือเรียกจะรับการทอนเป็นเงินสดหรือประโยชน์รูปแบบอื่นใดจากขายอาหารและ/หรือเครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ไม่ว่ากรณีใด
  • การซื้อขายอาหารและ/เครื่องดื่มผ่านผู้ให้บริการ Food Delivery Platform จะต้องเป็นการซื้อขายกันจริง โดยประชาชนผู้สั่งและร้านค้าผู้ขายไม่ได้อยู่ ณ สถานที่เดียวกัน และประชาชนผู้สั่งและร้านค้าผู้ขายไม่ใช่บุลคลเดียวกัน
  • ผู้ประกอบการสามารถเลือกเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ Food Delivery Platform เพื่อขายอาหารและ/หรือเครื่องดื่มตามโครงการฯ ได้เพียงผู้ให้บริการ Food Delivery Platform เดียวเท่านั้น
  • ผู้ประกอบการสามารถเลือกระงับการให้บริการผ่านผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ตามโครงการฯ ได้โดยสมัครใจโดยไม่ได้ถือว่าเป็นการปฎิเสธการใช้สิทธิโครงการฯ ของประชาชน
  • ห้ามผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ กระทำการใดๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการและ/หรือโครงการของรัฐ หรือก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการฯ หรือมาตรการ/โครงการใดๆ ของรัฐ

สิทธิประโยชน์และการใช้จ่าย



รัฐสนับสนุน E-Voucher ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม ค่าสินค้า ค่าบริการ สปา/นวด/ทำผม ทำเล็บ
*ไม่รวมถึงสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
บัตรกำนัล (gift voucher/gift card) บัตรเงินสด (cash card) และสินค้า/บริการรูปแบบอื่น ๆ ที่เป็นการชำระล่วงหน้า (prepaid) เว้นแต่เป็นการชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มของศูนย์อาหารที่ต้องใช้งานภายในวันเดียวกันกับวันที่ชำระเงิน โดยที่การชำระค่าอาหารหรือเครื่องดื่มของศูนย์อาหารที่ต้องใช้งานภายในวันเดียวกันกับวันที่ชำระเงิน การสแกนจ่ายเงินผ่านโครงการ ต้องมีการซื้อสินค้า/บริการจริงตรงตามมูลค่าที่สแกนจ่าย ไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการทอนเงินสดหรือรับแลกสินค้า/บริการคืนเป็นเงินสดไม่ว่ากรณีใด
สินค้าที่เข้าร่วมโครงการ
การใช้สิทธิของประชาชน ผ่านฟู้ดเดลิเวอรี่แพลตฟอร์ม
  • สำหรับสิทธิในโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ E-Voucher สามารถนำมาจ่ายเงินในโครงการนี้ได้
  • ถ้าหากรายการโดนยกเลิกหลังจากการชำระเงินเสร็จสิ้น ประชาชนจะได้รับเงิน ทั้งในส่วนของประชาชน และสิทธิ เข้าบัญชี G-Wallet ภายใน 15 นาที เฉพาะค่าอาหารและเครื่องดื่มไม่รวมถึงค่าจัดส่ง

ชำระเงินผ่าน G-Wallet บนแอปฯ “เป๋าตัง”
กับผู้ประกอบการ จดทะเบียน VAT ที่เข้าร่วมโครงการ
ยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher
วันที่ 1 ก.ค. - 21 ก.ค. 64 สามารถใช้จ่ายสูงสุด 5,000 บาท/คน/วัน
วันที่ 22 ก.ค. - 30 พ.ย. 64 สามารถใช้จ่ายสูงสุด 10,000 บาท/คน/วัน
เพิ่มวงเงินสนับสนุน E-Voucher เป็น 10,000 บาท
  • สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher ไม่เกิน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 จะนำยอดใช้จ่ายมาคำนวณสิทธิ E-Voucher ได้ ดังนี้
    • ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 1 – 40,000 บาทแรก ได้รับ E-Voucher ร้อยละ 10 ของยอดใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,000 บาทต่อคน
    • ยอดใช้จ่ายจริงตั้งแต่ 40,001 – 80,000 บาท ได้รับ E-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 6,000 บาทต่อคน
  • สำหรับผู้ได้รับสิทธิที่มียอดใช้จ่ายที่จะนำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher เต็มจำนวน 60,000 บาท ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 ซึ่งมีสิทธิได้รับ E-Voucher จำนวน 7,000 บาทเรียบร้อยแล้ว จะมีสิทธิได้รับ E-Voucher เพิ่มเติม หากมีการใช้จ่ายเพิ่มเติม จำนวนไม่เกิน 20,000 บาท ในระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 จะได้รับสิทธิ E-Voucher ร้อยละ 15 ของยอดใช้จ่ายเพิ่มเติมดังกล่าว แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน
ได้รับ E-Voucher ทุกวันที่ 7 ของเดือนถัดไป และสามารถใช้สิทธิได้ถึง 31 ธ.ค. 64
หมายเหตุ: ผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, ไม่เป็นผู้ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการ ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ(ผ่านบัตรประชาชน), และไม่เป็นผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส3
Copyright © 2021
ถาม - ตอบ